ตอนที่ 1 บุรุษหนุ่มนาม "ภีษมะ"
พระราชาศานตนุทรงปกครองบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนล้วนสรรเสริญ วันหนึ่งในระหว่างการประพาสล่าสัตว์ตามปกติ
พระองค์ทรงเสด็จมายังบริเวณริมแม่น้ำคงคา บริเวณที่แรกพบกับพระนางคงคา เมื่อท้าวศานตนุทอดสายพระเนตรก็พบเหตุการณ์แปลกประหลาด
แม่น้ำคงคาที่เคยมีน้ำไหลรินกลับแห้งคอด พระองค์เพ่งพินิจจึงพบสาเหตุที่ทำให้แม่น้ำหยุดไหล
นั่นคือฝูงลูกธนูที่ถูกแผลงปักขวางแม่น้ำ
โยงใยหนาแน่นประหนึ่งทำนบกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านไปได้ ทันใดนั้น
พระแม่คงคาก็ปรากฏกายขึ้น พระราชาศานตนุทรงดีพระทัยยิ่งนัก ที่พบนางอันเป็นที่รัก
แต่เพียงเสี้ยวนาทีนั้น ก็เกิดเสียงคำรามกึกก้อง
ของแม่น้ำที่ไหลบ่ามาด้วยพลังมหาศาล มองเห็นจะพบว่ามีเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ล่องลอยมากับสายน้ำ
เมื่อถึงจุดที่เจ้าแม่คงคายืนอยู่ หนุ่มน้อยตรงปรี่เข้ามาสวมกอด
เจ้าแม่คงคาบอกให้เด็กหนุ่มเข้าไปทำความเคารพท้าวศานตนุ
ผู้ซึ่งเป็นพระบิดาของหนุ่มน้อยนั่นเอง เจ้าแม่คงคาได้ตรัสกับพระราชาศานตนุว่า
ถึงเวลาที่พระนางจะส่งคืนบุตรชายของพระองค์กลับกรุงหัสตินาปุระแล้ว
บุตรของพระองค์คนนี้
ได้เรียนรู้ทุกศาสตร์ทุกแขนงที่ผู้เกิดในวรรณะกษัตริย์พึงเรียนรู้หมดแล้วได้ร่ำเรียนวิชาพระเวทและคัมภีร์เวทานตะจากมหาฤาษีวสิษฐ์
ผู้เป็นอาจารย์ร่ำเรียนวิชารัฐศาสตร์ จากพระพฤหัสบดี (อาจารย์แห่งเทพทั้งปวง
ส่วนพระศุกร์จะเป็นอาจารย์แห่งเหล่าอสูรและรากษส
ว่ากันว่าเทพทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน)
เชื่อว่าบุตรของท่านผู้นี้
พร้อมที่สืบทอดพระราชบัลลังค์ต่อจากพระองค์
เชิญพระองค์ทรงพาเทวพรตผู้นี้กลับเมืองหัสตินาปุระเถิด
ว่าแล้วเจ้าแม่คงคาก็อันตธานหายไป
เมื่อกลับถึงเมืองหัสตินาปุระ
ราชาศานตนุประกาศตั้งแต่งให้เจ้าชายเทวพรต พระราชโอรส
ขึ้นเป็นสมเด็จพระยุวราชเพื่อสืบราชบัลลังค์ของพระองค์ต่อไปท่ามกลางความปีติของประชาชน
4 ปีต่อมา.... ณ ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา
ระหว่างประพาสล่าสัตว์ ตามปกตินิสัย พระราชาศานตนุได้กลิ่นหอมรัญจวนน่าประหลาด
ด้วยความพิศวงพระองค์ทรงเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอม จนไปพบสตรีนางหนึ่งอ่อนวัย
งดงามไร้ที่ติ กำลังพายเรืออยู่ในแม่น้ำ ท้าวศานตนุเกิดตกหลุมรักในฉับพลัน
ทรงเข้าไปแนะนำพระองค์สนทนาพูดคุยกับสตรีนางนั้น จากนั้นทรงตรัสขอความรักจากนาง สตรีผู้กลิ่นหอมประหลาด
บอกว่านางชื่อ สัตยวดี เป็นลูกสาวชาวประมง หากพระราชาจะขอความรัก ต้องให้พระองค์ไปขออนุญาติกับพ่อชาวประมงของนางเสียก่อน
เมื่อกลับมาถึงกรุงหัสตินาปุระ
เจ้าชายเทวพรตในวัย 20 ปีบริบูรณ์ พบว่าพระบิดาที่เสด็จกลับมาจากการประพาสล่าสัตว์
มีสีหน้าทุกข์ระทม กินไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้ชีวิตเหมือนคนตายทั้งเป็น เมื่อเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุ
พระบิดาก็ไม่ทรงตรัสตอบแต่อย่างใด
เจ้าชายจึงแอบไปสืบความจากสารถีประจำตัวท้าวศานตนุ เมื่อรู้ความของเหตุที่เกิดขึ้น
เจ้าชายหนุ่ม
จึงพาพระราชบิดาไปพบชาวประมงผู้นั้นอีกครั้ง
เมื่อพบชาวประมงเจ้าชายเทวพรตได้ตรัสอ้อนวอน ขอลูกสาวชาวประมงให้พระบิดา
และพระองค์ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยที่พระองค์ขอสละสิทธิอันชอบธรรมไม่ขอขึ้นครองราชย์
เฒ่าชาวประมงยังไม่พอใจ ถามเจ้าชายต่อว่า
แม้นเจ้าชายจะสละราชสมบัติ หากแต่ถ้าพระองค์ทรงมีรัชทายาท แล้วรัชทายาทของพระองค์
ไม่คิดจะแย่งบัลลังก์ของพระองค์คืนหรือเช่นไร
ด้วยความรัก และอยากเห็นพระราชบิดามีความสุข
เจ้าชายเทวพรตจึงตรัสกับชาวประมงว่า เราผู้มีนามว่า เทวพรต
จะขอเสื่อมซึ่งความรู้สึกทางเพศ และขอสละซึ่งความยินดีในอิสตรีเพศ
จะเป็นเอกบุรุษตราบชั่วนิรันด์
หลังจากสิ้นประกาศคำมั่นดังกล่าว
ทันใดนั้นบนฟากฟ้าก็มีเสียงโห่ร้องว่า ภีษมะๆๆๆ ภีษมะๆๆๆ ดังกึกก้องไปทั่ว
แล้วเกิดดอกไม้โปรยปรายลงมาจากสรวงสวรรค์ เหล่าเทพเทวาล้วนแซ่ซ้องสรรเสริญ
สาธุกาลต่อการเสียสละของเจ้าชายเทวพรตในครั้งนี้ พร้อมทั้งพระองค์ยังได้พรวิเศษจากทั้งพระราชบิดาและเทวดาทั้งปวงว่าถ้าพระองค์ยังไม่พร้อมที่จะตาย จะไม่มีผู้ใดมาพรากชีวิตของพระองค์ได้ จากนั้นเจ้าชายหนุ่มก็ได้รับพระนามที่ทุกคนรู้จักกันทั่วไปว่า
“ท้าวภีษมะ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น