วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

เรื่องเล่ามหาภารตะ ภีษมะ - เจ้าหญิงอัมพา

ภีษมะ - เจ้าหญิงอัมพา (ศิขัณฑิณ)


…เกลียดด้วยรักและภักดี…
ถ้ามีจริง
จะต้องรักสักเท่าไหร่
จะต้องภักดีสักเพียงไหน
จึงจะเกลียดจนถึงขั้นสังหารกันได้

ฤาษีวศิษฐ์มีแม่วัวตัวหนึ่งที่มีความศักดิ์สิทธิ์ชื่อแม่วัวนันทินีที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ก็ด้วยน้ำนมของแม่วัวตัวนี้จะทำให้ผู้ที่ได้ดื่มกินมีอายุยืนถึง 1พันปีวันหนึ่งเมื่อคณะเทพวสุทั้งแปดเห็นว่าฤาษีวศิษฐ์ต้องไปทำกิจนอกอาศรม ก็จึงเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะลักลอบเข้าไปช่วยกันขโมยแม่วัวนันทินีนี้ให้แก่ภรรยาของเทพทยุที่เรียกร้องคิดโลภอยากได้เป็นเจ้าของเสียทีหากการณ์ครั้งนี้ก็หาได้เล็ดลอดจากอำนาจตบะอันแข็งกล้าของฤาษีวศิษฐ์ไม่เทพทั้งแปดจึงต้องรับเคราะห์ถูกฤาษีวศิษฐ์สาปด้วยความโกรธจัดเครากระดิกว่าให้ลงไปเกิดในโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ๆจนสิ้นอายุขัย 1 รอบแล้วจึงค่อยกลับมาสรวงสวรรค์เทพเทวาทั้งแปดเมื่อได้ยินคำสาปดังนั้นก็ร้อนรนก็ใครเล่าจะอยากกลับลงไปเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จึงพร้อมใจกันทำการสารภาพผิดพร้อมทั้งวิงวอนขอให้ฤาษีวศิษฐ์ถอนคำสาป 

ในที่สุดฤาษีวศิษฐ์ก็ใจอ่อนทนต่อคำอ้อนวอนนั้นไม่ไหว…ยินยอมผ่อนผันให้เป็นว่าในบรรดาเทพทั้งแปดนี้ มีเทพทยุเท่านั้นที่ต้องลงไปใช้ชีวิตมนุษย์เหมือนมนุษย์ทั่วๆไป และจะกลับขึ้นมาบนสวรรค์ได้ก็ต่อเมื่อตายลงแล้ว ส่วนเทพที่เหลืออีก 7 องค์เมื่อลงไปเกิดแล้วก็ให้กลับสวรรค์ได้ทันที อีกประการหนึ่งสำหรับเทพทยุ นอกจากจะมีชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมานเฉกเดียวกับมนุษย์อื่นๆแล้ว ท่านทยุในชีวิตมนุษย์จะเป็นคนดีมีคุณธรรม มีอำนาจมากและได้เรียนรู้พระเวทย์จนเจนจบ หากจะไม่มีลูกของตนเองและจะไม่ได้ร่วมประเวณีกับหญิงใดเลย



ด้วยเหตุนี้ชีวิตใหม่ในโลกมนุษย์ ภีษมะจึงกลายเป็นพระโอรสองค์เดียวที่รอดชีวิตของท้าวศานตนุพระราชาผู้ครองครองกรุงหัสตินาปุระแห่งแคว้นกุรุกับเจ้าแม่คงคาที่ตามลงมาช่วยเพื่อนด้วยการให้กำเนิดโอรสก่อนหน้า ๗ องค์เสร็จแล้วโยนลงน้ำทันที ครั้นเวลาผ่านไปศานตนพกุมารก็เติบใหญ่ได้ร่ำเรียนศิลปวิทยาการจนเจนจบ และเจ้าแม่คงคาผู้เป็นพระมารดาก็จากไป เมื่อท้าวศานตนุได้พบรักใหม่กับนางสัตยาวดี อุปสรรคแห่งชีวิตของศานตนพกุมารก็เริ่มต้น ด้วยการที่นางสัตยาวดีไม่ยอมสยุมพรกับพระบิดาจนกว่าศานตนพกุมารจะยอมให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ขึ้นครองราชบัลลังก์เสียก่อน


เพื่อเห็นแก่ความสุขของพระบิดา ศานตนพกุมารก็ยินยอมสละสิทธิ์ในราชบัลลังก์นั้นแต่โดยดี…ภีษมะก็จึงเป็นพระนามใหม่อีกพระนามหนึ่งของศานตนพกุมาร ซึ่งเวลานั้นก็มีพระนามอื่นด้วยเช่นกัน…เทวพรต และ คงคาทัติ…แล้วยังได้รับพรจากพระบิดาให้มีอายุยืนตราบนานเท่าที่ปรารถนา

กล่าวฝ่ายภรรยาบนสวรรค์ของท่านเทพทยุผู้เป็นต้นเหตุแห่งการถูกสาปบ้าง เมื่อเห็นพระสวามีต้องคำสาปเช่นนี้จึงคิดติดตามเพื่อช่วยให้กลับคืนสู่สรวงสวรรค์ดังเดิม… ด้วยการไปสารภาพผิดกับฤาษีวศิษฐ์ และขอพรจากท่านฤาษีให้นางได้ติดตามสวามีสุดที่รักลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน ข้างฝ่ายฤาษีวศิษฐ์ในยามต่อมานั้นโมหะก็เย็นลงมากแล้ว เมื่อได้ฟังคำอ้อนวอนสารภาพบาปจากนางด้วยดวงใจที่จงรักภักดีต่อสวามีก็ใจอ่อน จึงให้พรแก่นางได้ติดตามสวามีลงไปเกิดบนโลกมนุษย์ หากมีข้อแม้ต้องเป็นผู้สังหารสวามีด้วยตัวเอง และนางจักต้องเป็นผู้ไร้คู่ครองเฉกเดียวกับสวามี นางรีบรับพรนั้นด้วยความยินดี และยิ่งยินดีเมื่อคิดไปว่าอีกไม่นานสวามีก็จะกลับมาเคียงข้างบนสวรรค์ดุจเดิม


ครั้นกาลเวลาผ่านไป หลังจากท้าวศานตนุผู้เป็นพระบิดาได้สิ้นพระชนม์ ท้าววิจิตรวีรยะผู้เป็นน้องก็ได้ครองเมืองสมใจนึกพระมารดา หากท่านภีษมะก็ยังต้องเป็นผู้คอยเฝ้าค้ำบัลลังก์ให้อยู่เนืองๆด้วยน้องชายท่านนี้มีแต่ความอ่อนแอเป็นที่ตั้ง จนแม้กระทั่งพระราชาแคว้นกาสีเองก็ยังบิดเบือนเล่นแง่กับข้อตกลงบรรพบุรุษที่มีมาแต่ก่อนเก่าว่าในระหว่างสองเมืองนี้จะให้กุลบุตรกุลธิดาได้ครองคู่ตุนาหงันเมื่อถึงเวลาที่สมควร หากกับพระธิดาที่พระราชาแคว้นกาสีมีถึง 3 พระองค์นั้น พระองค์กลับมีกุศโลบายแปลกใหม่นั่นคือพระองค์ทรงประกาศให้มีพิธีสยุมพร โดยเรียกเจ้าชายจากเมืองต่างๆให้มาชุมนุมกันเพื่อให้พระธิดาทั้ง 3 ได้เสี่ยงพวงมาลัย ฝ่ายภีษมะเมื่อได้ทราบข่าวเช่นนี้ก็ตัดสินใจรีบเดินทางไปแคว้นกาสี เพื่อทวงสัญญาข้อตกลงของบรรพบุรุษที่ทางแคว้นกาสีจะต้องจัดส่งพระธิดาทั้ง 3 ให้ไปครองคู่กับท้าววิจิตรวีรยะต่างหากเล่า



ในวันพิธีสยุมพร บรรดาเจ้าชายทั้งหลายต่างพากันฮือฮาเมื่อเห็นว่าภีษมะท่านก็มาด้วยก็ในเมื่อพิธีเช่นนี้ควรมีแต่หนุ่มสาววัยฉกรรจ์ หากเหตุใดท่านผู้ซึ่งอยู่ในวัยกลางคนจึงยังมาร่วมในพิธีนี้ได้ และท่านก็หาใช่ผู้ครองบัลลังก์แห่งใดไม่ ทั้งนี้แท้จริงแล้ว ในจิตใต้สำนึกของบรรดาเจ้าชายต่างพากันกริ่งเกรงต่อฝีมือที่ลือลั่นของท่านภีษมะนั่นเอง ทว่าท่านภีษมะกลับไม่อินังขังขอบกับข้อประชดนานาเหล่านั้น พระราชาแคว้นกาสีจึงต้องเจรจาหาทางลง ด้วยการให้ท่านภีษมะเลือกพิธีสยุมพรที่ในวรรณะกษัตริย์จะมีอยู่ ๓ แบบด้วยกัน…เสี่ยงพวงมาลัย 1 ประลองกำลังเช่นยกศร แข่งยิงธนูกัน 1 และอีก 1 ทำสงครามแย่งชิงตัวเจ้าสาวที่เรียกว่า รากษสวิวาห์ ปรากฏท่านภีษมะเลือกเอาอย่างหลัง…รากษสวิวาห์

ก็ด้วยใครต่อใครก็ครั่นคร้ามในฝีมือการรบของท่านภีษมะอยู่แล้ว งานนี้การเลือกข้างจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติ นั่นคือท่านภีษมะแย่งตัวเจ้าหญิงทั้งหมดมาได้ก่อน ก็จึงเป็นทีของพระราชาแคว้นกาสีกับบรรดาเจ้าชายทั้งปวงที่จะต้องตามไปแย่งคืนจากแคว้นกุรุ ไม่ต้องเดาก็ทราบได้ ผลที่สุดท่านภีษมะก็เป็นผู้ชนะ…ไม่มีใครที่กล้าสามารถตามไปช่วงชิงเจ้าหญิงคืนมาได้สักองค์ ท่านภีษมะเมื่อชนะแล้ว ก็จึงจัดการถวายเจ้าหญิงทั้ง ๓ นั้น…เจ้าหญิงอัมพา เจ้าหญิงทาริกา และเจ้าหญิงอัมทาริกา…ให้ครองคู่กับท้าววิจิตรวีรยะผู้เป็นน้อง 




หากในระหว่างการเดินทางเจ้าหญิงอัมพาได้เล่าให้ท่านภีษมะฟังว่าเจ้าหญิงเองมีเจ้าชายที่หมายปองกันอยู่แล้วชื่อเจ้าชายศัลวะและขอให้ท่านภีษมะเห็นใจปล่อยเจ้าหญิงกลับไปหาเจ้าชายศัลวะด้วยเถิด ฝ่ายท่านภีษมะเมื่อได้ยินเรื่องราวดังนั้นจึงคิดปล่อยตัวเจ้าหญิงอัมพาไปด้วยคิดว่าเจ้าหญิงมีตำหนิเสียแล้วไม่คู่ควรที่จะปล่อยให้ได้แต่งงานกับท้าววิจิตรวีรยะ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับเจ้าหญิงอัมพา นั่นคือคนรักที่เจ้าหญิงหวังพึ่งพิงฝากฝีฝากไข้ในยามตกยากกลับนึกรังเกียจเดียดฉันท์คิดไปว่าเจ้าหญิงเคยถูกฉุดจึงไม่มีความบริสุทธิ์เสียแล้ว ทำให้เจ้าหญิงต้องตัดสินใจกลับไปหาท่านภีษมะเหมือนเดิม หากทางท้าววิจิตรวีรยะเองก็ปฏิเสธเจ้าหญิงเช่นกันด้วยเหตุผล…จิตใจของเจ้าหญิงไม่บริสุทธิ์เพราะเคยมีความรักมาก่อน
เจ้าหญิงจึงต้องบากหน้ากลับไปอ้อนวอนเจ้าชายศัลวะคนรักอีกครั้ง และก็เหมือนเดิมคนที่เคยรักแต่คราวนี้กลับรับความจริงไม่ได้…ปฏิเสธเจ้าหญิงอย่างเลือดเย็น


เจ้าหญิงอัมพาจึงหมดสิ้นหนทางจะอยู่ก็ไม่ได้จะไปก็ไม่มีทาง ชีวิตสวยงามของเจ้าหญิงหมดสิ้นกันก็คราวนี้ นี่ก็เป็นเพราะท่านภีษมะแต่ผู้เดียว! ด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในหัวอก เจ้าหญิงอัมพาจึงเริ่มออกเดินทางตระเวณไปยังแคว้นต่างๆเพื่อชี้ชวนให้บรรดาเจ้าชายตกลงใจไปประลองกำลังจัดการกับท่านภีษมะ ทว่าเจ้าหญิงต้องผิดหวังด้วยไม่มีเจ้าชายใจกล้าแม้แต่องค์เดียว หนักเข้าเจ้าหญิงจึงตัดสินใจเข้าป่าเพื่อบำเพ็ญพรตให้พระศิวะอ่อนพระทัยยอมให้ความช่วยเหลือ

เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร พระศิวะก็เมตตาประทานพวงมาลัยพิเศษให้เจ้าหญิงพวงหนึ่ง…พวงมาลัยนี้เมื่อคล้องคอผู้ใดผู้นั้นก็จะกลายเป็นเพฌชฆาตสังหารท่านภีษมะให้ด่าวดิ้นได้ เจ้าหญิงอัมพาเมื่อได้รับพวงมาลัยพิเศษแล้วก็ออกเดินทางเสาะหากษัตริย์ทั่วทุกแว่นแคว้นที่มีความเก่งกล้าอาจหาญพอที่จะกล้าสวมมาลัยพวงนี้และก็อีก ทุกข์ซ้ำกรรมซัดอีก เจ้าหญิงก็หาได้พบผู้ใดที่เก่งกล้าทรนงไม่ ดังนั้นที่วังของท้าวทรุบทอันเป็นแห่งสุดท้าย เจ้าหญิงจึงตัดสินใจแขวนพวงมาลัยพิเศษทิ้งไว้ที่หน้าประตูวังนั่นเสียเลย เสร็จแล้วก็จากไป



เจ้าหญิงอัมพากลับเข้าป่าอีกครั้งและได้รับคำแนะนำให้ไปพบฤาษีปาราสุราม คราวนี้ฤาษีปาราสุรามเห็นแก่เจ้าหญิงยอมออกไปประลองกับท่านภีษมะหากก็พ่ายแพ้กลับมา ในที่สุด เจ้าหญิงอัมพาจึงยอมก้มหน้ารับชะตากรรมด้วยแรงแค้นว่าในปฐพีนี้ไม่มีใครที่สามารถทัดเทียมกับท่านภีษมะได้ เจ้าหญิงหันกลับเข้าป่าคร่ำเคร่งบำเพ็ญพรตอีกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อหวังให้พระศิวะยอมตกลงใจช่วยฆ่าท่านภีษมะให้ และด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ต่อความแค้นแสนสาหัสนั้นเอง เจ้าหญิงบำเพ็ญพรตจนสิ้นพระชนม์…และก่อนที่ดวงพระวิญญาณจะออกจากร่าง เจ้าหญิงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากพระศิวะ…เมื่อได้เกิดอีกในชาติหน้า ขอให้เจ้าหญิงได้เป็นผู้สังหารท่านภีษมะด้วยมือของเจ้าหญิงเอง!


เจ้าหญิงอัมพาผู้น่าสงสาร ต้องมีชีวิตหมกมุ่นวนเวียนอยู่ในห้วงมหาสมุทรแห่งความแค้นนี้นานถึง ๖-๗ ปี แล้วเจ้าหญิงก็ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในรูปของพระธิดาของท้าวทรุบท อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหญิงองค์น้อยผู้ซุกซนบังเอิญมองเห็นพวงมาลัยสวยสดพวงหนึ่งแขวนอยู่ที่หน้าประตูวัง ด้วยความอยากได้มาเชยชมเล่น เจ้าหญิงจึงปีนขึ้นไปหยิบพวงมาลัยนั้นลงมาคล้องคอเท่านั้นเอง ชะตากรรมของเจ้าหญิงก็เปลี่ยนทันที พระองค์ถูกเนรเทศให้ไปอยู่ในป่าแต่เพีย'ลำพัง และคงเป็นด้วยบุญบารมีที่สะสมติดตามข้ามภพชาติมา เจ้าหญิงองค์น้อยนั้นจึงได้บำเพ็ญตะบะด้วยตนเองจนมีกำลังญานอันแข็งกล้าสามารถเปลี่ยนองค์เองให้เป็นบุรุษเพศได้อย่างน่าอัศจรรย์ เจ้าหญิงกลับเข้าเมืองอีกครั้งในรูปของ ศิขัณฑิณ!


อันความเป็นมาของเจ้าหญิงหรือศิขัณฑิณนี้ ท่านภีษมะได้ล่วงรู้อยู่โดยตลอด ดังนั้นการสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ท่านภีษมะจึงไม่ยอมสู้กับศิขัณฑิณ ด้วยนักรบชาติกษัตริย์ย่อมไม่ทำร้ายอิตถีสตรีเพศเป็นเด็ดขาด…ท่านจึงเอาแต่หลบเลี่ยงเสมอมาอันเป็นเหตุให้ฝ่ายเการพต้องกำหนดฉากให้ดีเพื่อให้แน่ใจว่าท่านปู่ภีษมะยังยอมช่วยรบ ตราบจนกระทั่งการรบในวันที่ 10 ท่านภีษมะก็ได้รับบาดเจ็บไม่่สามารถทำการรบได้อีกต่อไปเมื่อถูกศรของอรชุนระดมยิงเข้าใส่ร่างขณะท่านภีษมะหยุดรบเอาดื้อๆทันทีที่เห็นสายตาจงเกลียดของศิขัณฑิณ



หากการบาดเจ็บครั้งนี้ กลับทำให้ท่านภีษมะรู้สึกเป็นสุข นั่นเพราะชีวิตมนุษย์ที่แสนทรมาน…ต้องทนมองดูความพินาศของราชวงศ์กุรุรุ่นหลานที่มารบพุ่งกันเองบนสงครามกุรุเกษตรนั้น…กำลังจะสิ้นสุดลงทั้งนี้และทั้งนั้นท่านก็ต้องขอบใจศิขัณฑิณที่ตามลงมาช่วยท่านให้ได้กลับคืนสู่สรวงสวรรค์เสียที

via septimus

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มหากาลีเทวีพิทักษ์โลก Mahakali - Anth Hi Aarambh Hai

มหากาลี เทวีพิทักษ์โลกา ประเภท ดราม่าอิงตำนาน เหนือธรรมชาติ กำกับโดย     Loknath Pandey, Madan Vaishyaal อำนวยการสร้างโดย  ...